นับตั้งแต่โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรเชลซี สิงโตน้ำเงินครามตัวนี้ก็แปลงสภาพเป็นทีมมหาเศรษฐีทันที เพราะทุกกระบวนท่าของการพัฒนาทีมเสี่ยหมีใช้เงินเข้าสู้ทั้งสิ้น นั่นจึงทำให้นักเตะระดับเกรดเอพร้อมกับโค้ชสมองเพชร ต่างหลั่งไหลเข้ามาสู่ทีมเพราะทนต่อกลิ่นอันหอมหวานของเงินไม่ไหว นั่นจึงทำให้เชลซีถูกตราหน้าว่าเป็นทีมที่ใช้เงินซื้อความสำเร็จ แต่ถึงกระนั้นแม้ว่าเจ้าของสโมสรจะใช้เงินฟาดฟันกับทุกสิ่งที่ต้องการ แต่หากผลงานของทีมไม่ดีเมื่อไรแล้วละก็ เสี่ยหมีก็พร้อมจะใช้เงินฟาดหัวโค้ชเหล่านั้นให้ไสหัวออกไปจากทีมอย่างรวดเร็วเหมือนกัน ซึ่งมีสถิติที่รวบรวมมูลค่าสะสมไว้ตั้งแต่เสี่ยหมีเข้ามาซื้อเชลซีจวบจนปัจจุบัน ว่าเขาใช้เงินไปแล้วกว่า 113 ล้านปอนด์ หรือ 4,650 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าชดเชยแก่โค้ชที่ถูกไล่ออก
ฉะนั้นในวันนี้เราจะมาย้อนความหลังกับบทความ เปิดโผรายชื่อโค้ชของเชลซี 5 ราย ที่มีค่าฉีกสัญญาสูงสุด ซึ่งจะมีใครกันบ้าง และเป็นคนเดียวกับที่ท่านคิดหรือไม่ ไปติดตามชมกันได้ด้านล่างนี้
1. โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ
กุนซือชาวอิตาเลียน มีค่าฉีกสัญญา 10.7 ล้านปอนด์ ซึ่งตอนแรกเป็นกุนซือขัดตาทัพหลังจากอันเดร วิลลาช-โบอาส ถูกปลดออกไป ก่อนที่เจ้าตัวจะนำทีมเถลิงแชมป์ UCL เป็นครั้งแรกของสโมสร ทำให้เสี่ยหมีตกรางวัลด้วยสัญญาถาวร แต่ในฤดูกาลถัดมาดันทำทีมฟอร์มบู่ จนสุดท้ายถูกปลดออกจากตำแหน่งไป
- ฤดูกาล 2011/12 เชลซีดึงกุนซือหนุ่มไฟแรง แถมมีกลยุทธ์อันเฉียบแหลมที่พร้อมสยบคู่แข่งอย่าง อันเดร วิลลาช-โบอาส พร้อมกันนั้นยังได้ดึง โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ เข้ามาเป็นผู้ช่วย แต่เมื่อฤดูกาลได้ดำเนินไป ทีมกลับมีผลงานดำดิ่งลงเรื่อยๆ เพราะความรู้ที่มีอยู่ล้นหัว กลับไม่สามารถนำออกมาใช้ในสนามได้ ทำให้เสี่ยหมีทนไม่ไหวและไล่อันเดร วิลลาช-โบอาส ออกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับดันผู้ช่วยอย่าง โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ขึ้นมาเป็นกุนซือขั้นตาทัพไปจนจบฤดูกาล
- การก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือใหญ่ของ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ทำให้ผลงานของเชลซีดีขึ้นทันตาเห็น แต่ที่เป็นประจักษ์แก่สายแฟนบอล นั่นคือการคว้าแชมป์ FA CUP ก่อนจะตามมาด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก อย่างปาฏิหาริย์ เพราะรอบรองต้องเจอกับบาร์เซโลน่าของเป๊ป ที่ยุคนั้นแข็งแกร่งทั่วแผ่น แต่ก็เอาชนะมาด้วยสกอร์รวม 3-2 ส่วนรอบชิงต้องเล่นที่บ้านของบาเยิน มิวนิค แต่ก็ดวลจุดโทษชนะในบั้นปลาย
- การคว้าแชมป์รายการใหญ่ของยุโรปเป็นครั้งแรกของสโมสร ทำให้เสี่ยหมีตกรางวัลแก่โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ด้วยสัญญาถาวร 2 ปี แต่หลังจากนั้น 4 เดือน ผลงานของทีมก็กลับมาย่ำแย่อีกครั้ง นั่นจึงทำให้เสี่ยหมีจัดการปลดกุนซือชาวอิตาเลียนในท้ายที่สุด ปิดฉากการทำงานกับสโมสรไว้เพียงปีเศษๆ เท่านั้น
2. อันเดร วิลลาช-โบอาส
กุนซือหนุ่มวัย 33 ปี จากโปรตุเกส (ณ ตอนนั้น) มีค่าฉีกสัญญา 12 ล้านปอนด์ ซึ่งผลงานการคุมทีมปอร์โต้ได้ทริปเบิ้ลแชมป์ ทำให้ทุกสายตาเพ่งเล็งไปที่เจ้าตัวว่านี่อาจเป็นมูรินโญ่คนต่อไปก็เป็นได้ นั่นจึงทำให้เชลซีไม่รอช้า รีบไปกระชากตัวมาอย่างเร็วไว
- กุนซือหนุ่มผู้นี้มีคุณสมบัติในเรื่องของหลักทางวิชาการที่แม่นยำ แต่การต้องมาทำงานอยู่กับทีมในลีกที่สูงขึ้น พร้อมกับนักเตะในกำมือที่ล้วนแต่เป็นซูเปอร์สตาร์ทั้งสิ้น ทำให้เขามีปัญหาในการปรับตัวกับนักเตะ จนไม่สามารถคุมสถานการณ์ในห้องแต่งตัวและในสนามได้ กระทั่งผลงานที่ออกมาย่ำแย่ในทุกนัดที่ลงเตะ ทำให้กุนซือหนุ่มผู้นี้ถูกไล่ออก ปิดฉากการทำงานกับสิงห์บูลไว้เพียง 9 เดือน
3. หลุยส์ ฟิลิปเป้ สโคลารี่
นี่คือกุนซือที่มีโปร์ไฟล์โดดเด่นที่สุดนับตั้งแต่เสี่ยหมีเข้ามาซื้อทีม แต่ระยะเวลาการทำงานของเขากับเชลซีกลับแสนสั้นเพียง 8 เดือน ก่อนจะถูกปลดออกไปพร้อมกับค่าฉีกสัญญา 12.6 ล้านปอนด์
- ฤดูกาลก่อน เชลซีใช้บริการกุนซือโนเนมอย่าง อัฟราม แกรนท์ แต่สุดท้ายได้รองแชมป์ทุกถ้วยที่ลงแข่งขัน นั่นจึงทำให้เสี่ยหมีต้องการกุนซือโปร์ไฟล์สูง ก่อนจะมาจบที่ หลุยส์ ฟิลิเป้ สโคลารี่ ซึ่งเคยนำทีมชาติบราซิล คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2002
- การคุมทีมของเขาไม่น่าเกลียด เพราะสามารถเกาะกลุ่มหัวตารางได้ แต่การคว้าแชมป์ไม่สามารถเอื้อมไปถึงได้สักถ้วย แถมยังมีปัญหากับนักเตะระดับซุปตา ทำให้ท้ายที่สุดเขาต้องถูกปลดในเวลาอันรวดเร็ว
4. โชเซ่ มูรินโญ่
นี่คือกุนซือระดับตำนานอย่างแท้จริงของสโมสร เพราะเป็นบุคคลแรกๆ ที่นำความสำเร็จแบบเป็นชิ้นเป็นอันเข้ามาสู่สิงห์บูล ซึ่งเจ้าตัวได้เข้ามาคุมทีม 2 รอบ แต่ในรอบแรกมีค่าฉีกสัญญาสูงถึง 23.1 ล้านปอนด์
- ฤดูกาล 2004/05 โลกมนุษย์ได้รู้จักกับกุนซือหนุ่มที่มีนามว่า โชเซ่ มูรินโญ่ ซึ่งนำทีมปอร์โต้ที่เป็นทีมเล็กๆ ในเวทียุโรป มาตบแมนยูถึงบ้าน ก่อนจะเข้าป้ายไปคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนลีก นั่นจึงทำให้เสี่ยหมีไม่รอช้า รีบจัดการดึงตัวกุนซือผู้นี้มาด้วยวงเงินไม่อั้น
- การเข้ามาคุมทีมสิงห์บูล มูรินโญ่ตอบแทนด้วยความสำเร็จทันที กับแชมป์พรีเมียร์ลีก ในรอบ 50 ปี ก่อนจะตามมาด้วยแชมป์เอฟเอคัพ และลีกคัพ ส่วนในถ้วยยุโรปพวกเขาเคยไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะโดนประตูผีจากลิเวอร์พูลเขี่ยตกรอบไป
- สำหรับกลยุทธ์สู่ความสำเร็จของมูรินโญ่ คือการเล่นเกมรับเหนียวแน่นและเสียประตูยาก ดังจะเห็นได้จากฤดูกาลแรกที่คว้าแชมป์ลีก ซึ่งพวกเขาเสียประตูไปเพียง 15 ลูกเท่านั้น นอกจากนี้ยังมียุทธวิธีการเล่นแบบตีหัวเข้าบ้านแล้วเน้นเกมรับเต็มสูบ เพื่อเน้นผลการแข่งขันแบบไม่สนรูปเกมว่าจะน่าเบื่อเพียงใด
- ด้วยความบ้าๆ บอๆ ของเจ้าตัวที่ขึ้นชื่อลือชาและพร้อมมีปัญหากับโค้ช หรือนักเตะฝั่งตรงข้าม กลับกลายเป็นว่าทำให้เขามีปัญหากับนักเตะของตัวเอง จนสุดท้ายผลงานย่ำแย่และต้องถูกปลดออกไปในที่สุด
5. อันโตนิโอ คอนเต้
นี่คือกกุนซือชาวอิตาเลียนอีกรายที่ตบเท้าเข้ามาคุมทีมดังแห่งลอนดอน ซึ่งผลงานอันเด็ดดวงของการคุมทีมชาติอิตาลี ในศึกยูโร 2016 ทำให้เสี่ยหมีดึงตัวเข้ามาร่วมงาน แต่ก็ต้องอำลาจากกันในเวลาอันรวดเร็ว แถมยังต้องเสียค่าฉีกสัญญาสูงถึง 26.6 ล้านปอนด์
- คอนเต้ ผ่านผลงานการคุมทีมในศึกกัลโช่มาอย่างโชกโชน แถมยังการันตีความสำเร็จ ก่อนจะฉายแววความเป็นยอดกุนซืออย่างต่อเนื่องกับทีมชาติอิตาลี ในศึกยูโร 2016 แม้ว่าจะไปไม่ถึงแชมป์ แต่ลีลาการคุมจัดว่าได้ใจแฟนๆ ที่ชมอยู่ทางบ้าน
- การเข้ามาคุมทีมในปีแรก คอนเต้ได้คิดสูตร 3-4-3 จนทำให้เชลซีคว้าแชมป์ลีกในปีแรกทันที ส่วนปีถัดมาผลงานดรอปลงจนหลุดท็อปโฟร์ แต่ได้แชมป์เอฟเอ คัพ ซึ่งก็ไม่เพียงพอที่ทำให้เสี่ยหมีพอใจ จึงสั่งการให้ปลดกุนซือผู้นี้พ้นทีม พร้อมกับ ไปคว้าตัวเมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่คุมนาโปลีได้อย่างไฉไล นี่จึงนับว่าเป็นการจากลาทีมแสนเจ็บช้ำ เพราะคุมทีม 2 ปี ได้ 2 แชมป์ แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เข้าอยู่กับทีมต่อ เพราะเจ้าของทีมต้องการให้ทีมไปลุยศึกยูฟ่าแชมเปียนลีก เท่านั้น
กุนซือทั้ง 5 รายนี้ สามารถบอกได้เป็นอย่างดีว่าเสี่ยหมีเอาจริงเอาจังขนาดไหน เพราะแม้ว่าจะมีค่าฉีกสัญญาแพงขนาดไหนแต่เสี่ยหมีก็ไม่สน เพราะเจ้าของทีมชาวรัสเซียผู้นี้มองแต่เพียงว่าทีมต้องมาก่อน และแชมป์ก็นับเป็นเรื่องสำคัญ แต่ถ้าพลาดโควตายูฟ่า แชมเปียนลีก ไม่ว่าจะใครหน้าไหนก็จะกลายเป็นอดีตกุนซือของทีมทันที